ปฐมบทใหม่ของการศึกษาไทย : Per LEARN

ฤทธิ์เดชของ AI จะทำให้ลูกหลานเราอายุยืนยาวถึง 120 ปี ในขณะเดียวกันก็ทำให้อาชีพต่าง ๆ มีอยู่อายุสั้นลง หรือบางอย่างอาจจะหายไปในชั่วข้ามคืน แม้แต่มหาวิทยาลัยเองต่างก็กังวลกับการเปลื่ยนแปลงและการอยู่รอดในอนาคต

ดังนั้น การศึกษาจึงไม่ใช่เพียงเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยเท่านั้น และการโฆษณาความสำเร็จของโรงเรียนด้วยอัตราการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะไม่ใช่ประเด็นที่ได้รับการยอมรับอีกต่อไป

ในทัศนะของผม การศึกษาคือการเตรียมความพร้อมเพื่อไปสู่ “ความใฝ่ฝัน” ของแต่ละคน ซึ่งอาจจะเข้ามหาวิทยาลัยหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม โรงเรียนต้นกล้าเราไม่เพียงแค่เตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนได้ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยในประเทศ และต่างประเทศ แต่จะเตรียมให้เข้าใจความฝันของตัวเอง ไม่ใช่เพียงวิ่งตามกระแสที่สังคมกำหนด เพราะเป็นที่ทราบดีว่า ในโลกข้างหน้าเต็มไปด้วยความผันผวน และคาดการณ์ไม่ได้

Personalized Learning (Per LERN) จึงเป็นเหตุผลเบื้องต้นสำคัญที่สุด ที่จะเป็นปัจจัยให้นักเรียนได้ค้นพบความฝันตัวเองให้เร็วที่สุด หรือ อย่างน้อยก็รู้ว่าอะไรที่ไม่ใช่ อะไรน่าจะใช่ !

เป็นเรื่องใหม่ในสังคมไทย จึงมีองค์ความรู้น้อยมาก และเป็นเรื่องยากมาก ๆ สำหรับสถาบันการศึกษาที่เน้นปริมาณของจำนวนผู้เรียน แนวคิดนี้จึงเหมาะสำหรับจำนวนนักเรียนที่ไม่น้อยและไม่มาก

เพื่อให้ Per LEARN เกิดขึ้นได้จริงตั้งแต่ระดับอนุบาล และเด่นชัดขึ้นในระดับมัธยม โรงเรียนจะต้องทำอย่างน้อยสุด 3 ข้อ

1. รู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล พัฒนาระบบที่ให้ครูทำงานร่วมกับผู้ปกครอง เก็บข้อมูลทั้งทั่วไปและเฉพาะบุคคลอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ

2. เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก (facilities) ทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน โดยเฉพาะทรัพยากรบุคคล และเทคโนโลยีที่สนับสนุนการเรียนรู้ เราเชื่อว่า AI จะช่วยทำเรื่องยากให้ง่ายขึ้น และจะมีบทบาทสำคัญในการทำให้ Per LEARN เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. เข้าใจและเคารพความถนัดของนักเรียน ว่าแต่ละคนล้วนมี DNA และสารเคมีในร่างกาย รวมถึงฮอร์โมนที่แตกต่างกัน เงื่อนไขเหล่านี้สะท้อนออกมาในจังหวะการเรียนรู้ (Pace) ความเร็ว (Learning Curve) ซึ่งเป็นสิ่งที่โรงเรียนตระหนักและไม่ละเลย

ในเบื้องต้น นี่คือปฐมบทใหม่ของการศึกษาไทย เรามาร่วมกันสร้างปัจจัย ที่จะส่งเสริมให้ลูกหลานเราค้นพบและไปถึงความฝันของเขากันดีไหมครับ